ผู้ปกครองช็อก เด็กชาย 5 ขวบ แขนหักผิดรูป ครูเห็นแต่เฉย อ้างเด็กไม่ได้ร้องไห้ให้ช่วย

ผู้ปกครองช็อก 2

ผู้ดูแลช็อก เด็กผู้ชาย 5 ขวบ แขนหักผิดแบบ อาจารย์มองเห็นแต่ว่าไม่สนใจ อ้างเด็กมิได้ร้องไห้ขอให้ช่วย ผู้อำนวยการเบี้ยวจ่ายแก้ไข อยากได้ก็ไปฟ้องเอา

นักข่าวได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภอหนองกี่ จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์ ว่าครอบครัวมิได้รับความยุติธรรม และก็ต้องการจะให้เป็นกรณีศึกษา ถ้าเกิดผู้เรียนเป็นอันตรายข้างในสถานที่เรียนคุณครู ผู้อำนวยการควรทำงานเช่นไร นางสาวกรณิการ์ คำโส อายุ 42 ปี เลขที่ 55 กลุ่ม 1 ตำบลโคกสูง อำเภอหนองกี่ จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์ 1 ตำบลโคกสูง อำเภอหนองกี่ จ จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ร้องทุกข์ได้พา น้องเตเต้ อายุ 5 ขวบ ผู้เรียนชั้นอนุบาล 3 มาให้นักข่าวมอง ภาวะแขนซ้ายที่เข้าเฝือกด้วยเหตุว่าแขนหักนางสาวกรณิการ์ เล่าว่า ตนเลี้ยงน้องเตเต้ ตั้งแต่อายุ 3 เดือน เนื่องจากบิดามารดาออกไปดำเนินงานรับจ้างอยู่บ้านนอก ส่วนตนมีศักดาเป็นอา อาชีพรับราชการ ก็เลยสมัครใจเลี้ยงไว้เพราะเหตุว่าเห็นอกเห็นใจ ทุกตอนเช้าหรือเย็นคนภายในครอบครัว จะสลับกันไปส่งน้องที่สถานศึกษา เพียงพอโตขึ้นบางคราวน้องก็เดินไปหรือกลับเองบ้าง ขึ้นกับว่าวันนั้นมีคนใดกันแน่ว่างที่จะไปรับหรือไปส่งน้อง ด้วยเหตุว่าบ้านอยู่ไม่ห่างจากสถานศึกษา วันที่เกิดเหตุเป็นวันที่ 13 ไม่.ย.ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ตอนเวลาเย็นตนได้บอกให้พี่ชายไปรับหลานที่สถานศึกษา เพราะเหตุว่ายังอยู่ในสถานที่ทำงานซึ่งตั้งอยู่ข้างในหมู่บ้านเดียวกันกับสถานศึกษา เวลาราว 16.00 น.พี่ชายวิ่งมาบอกว่า ”หลานแขนหัก” ตนก็เลยรีบกลับมามองน้องที่บ้าน เห็นด้วยว่าสะดุ้งมากมายเมื่อมองเห็นภาวะหลาน เพราะว่าน้องร้องไห้สั่นเทิ้ม เจอแขนซ้ายหักผิดแบบเมื่อไต่ถามหลานพูดว่าแขนหักตั้งแต่ตอนกลางวันวัน ก็เลยรีบนำส่งโรงหมอนางรอง อำเภอนางรอง ด้วยเหตุว่าทราบว่าโรงหมอหนองกี่ ไม่มีหมอกระดูก ซึ่งกว่าแพทย์จะช่วยเหลือได้ตรงเวลาโดยประมาณ 22.00 น. ผู้อำนวยการที่สถานศึกษาว่ากำเนิดอะไรขึ้น ได้รับคำตอบอาจารย์ประจำชั้นว่า “มองเห็นตั้งแต่ตอนกลางวัน” แต่ว่าเด็กมิได้ร้องไห้ มิได้วิงวอน

ผู้ปกครองช็อก 2

วันถัดมา ทั้งยัง ผู้อำนวยการแล้วก็อาจารย์ประจำชั้น นำตะกร้ามาขออภัยที่บ้าน พูดว่าทางสถานศึกษาจะแก้ไขที่ปลดปล่อยปะไม่เอาใจใส่เด็ก จนกว่า ผู้อำนวยการ เป็นคนสรุปว่าจะขอชำระเงินแก้ไขให้เป็นจำนวนเงิน 55,000 บาท

ก็เลยโทรศัพท์ไปบอกบิดามารดาเด็ก นัดหมายชำระเงินในวันที่ 20 ไม่.ย. ส่วนหนึ่งส่วนใดครอบครัวรู้สึกเห็นอกเห็นใจสถานศึกษา ก็เลยตกลงกันว่า จะมอบเงินปริมาณ 20,000 บาท คืนให้สถานที่เรียนไว้ไปซื้อกล้องวงจรปิด เมื่อถึงวันที่ 20 ไม่.ย.ได้นัดหมายกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ทางครอบครัวได้ตระเตรียมเงินปริมาณ 20,000 บาท ใส่ซองไว้จัดเตรียมมอบให้ ผู้อำนวยการเป็นระเบียบแล้ว แต่ว่าเมื่อไปถึงที่นัดแนะ ผู้อำนวยการรวมทั้งคณะกรรมการโรงเรียน พร้อมอาจารย์ประจำชั้น มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ท้ายที่สุด ผู้อำนวยการเป็นคนพูดเองว่า ”ขาดเงินถึงแม้บาทเดียวถ้าเกิดอยากได้ก็จำต้องไปฟ้องเอานางสาวกรณิการ์ กล่าวเพราะรู้สึกผิดหวังของการจัดการของสถานที่เรียน สิ่งที่ยังคาใจไม่หายเป็น เด็กแขนหักขนาดนั้น เพราะอะไรคุณครูไม่รู้เรื่อง แต่ว่าเพราะเหตุไรสหายหลานรู้กันอีกทั้งห้อง แล้วภาวะของหลานเป็นแขนหักไม่ใช่เจ็บท้อง ดูด้วยตาเปล่าเห็นได้ชัดเจน ทั้งยังยังไม่พาเด็กไปพบแพทย์ ไม่แจ้งผู้ดูแลรู้ ปลดปล่อยเวลาผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง จนถึงแพทย์ที่โรงหมอทักตอนไปรักษาว่า เพราะอะไรปลดปล่อยไว้นานขนาดนี้ ด้วยเหตุว่าอันตรายแขนบางครั้งก็อาจจะได้รับผลพวงข้างหลังรักษาหายแล้ว ปัจจุบันนี้ครอบครัวได้ร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรม แล้วก็ฟ้องร้องต่อพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวนที่ สภ.หนองกี่ ไว้แล้ว แม้กระนั้นเรื่องยังเงียบอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวต้องการจะให้เป็นกรณีศึกษา ว่าครูน่าจะเอาใจใส่กับผู้เรียนยังไง ประธานต้องมีมาตรการยังไงสำหรับอาจารย์ที่ไม่สนใจผู้เรียน

แนะนำข่าวเด็ก อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  ชื่นชมเด็กอนุบาลนครสวรรค์เก็บเงิน35,000คืนเจ้าของ