คนไทย 2 ล้านครัวเรือน เปราะบางเพราะหนี้เยอะ อาจใช้เวลาเกิน 10 ปี ถึงจะหลุดพ้น

คนไทย 2 ล้านครัวเรือน

บทวิเคราะห์จาก EIC หรือ Economic Intelligence Center ของธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า ครัวเรือนไทยกว่า 2 ล้านครัวเรือน

ธุระกิจ เป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางจากปัญหาหนี้สูง และอาจใช้เวลาเกิน 10 ปี ถึงจะหลุดพ้นจากปัญหานี้รายละเอียดของบทวิเคราะห์นี้เป็นอย่างไร? คนไทยเราหนี้ท่วมขนาดไหน? TODAY Bizview สรุปให้อ่านกันในโพสต์นี้-EIC บอกว่าช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ครัวเรือนไทย ‘เปราะบาง’ ทางการเงินมากขึ้น จากการสะสมหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ไม่ได้เติบโตเร็วเท่าๆ กัน จนครัวเรือนไทยเสียสมดุลทางการเงินถ้ามาดูสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP จะพบว่าในปี 2008 หนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 52.4% ส่วนปี 2021 พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 90.1% และยิ่งถ้าเทียบกับต่างประเทศก็ยิ่งน่าตกใจ เพราะไทยมีแนวโน้มหนี้ต่อรายได้เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งช่วงหลังวิกฤตโควิด ไทยมีสัดส่วนหนี้ต่อ GDP สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศพัฒนาแล้วอย่างชัดเจน แม้รายได้ต่อประชากรของไทยจะต่ำกว่ามากก็ตามส่วนปีนี้ หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยครึ่งปีแรกอยู่ที่ 88.2% ซึ่ง EIC ประเมินว่าจะลดลงอย่างช้าๆ สิ้นปีจะอยู่ที่ราว 86-87% แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ใกล้เคียงกันแม้หนี้ครัวเรือนไทยจะสูง แต่ถึงอย่างนั้นประเทศไทยไม่ได้มีการกำหนดว่าครัวเรือนที่มีหนี้ระดับเท่าไหร่ถึงจะเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางทางการเงิน EIC จึงใช้วิธี Machine Learning เพื่อระบุและแบ่งกลุ่ม โดยอาศัยเกณฑ์ 4 ข้อ คือ รายได้, อัตราส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์, ภาระการชำระหนี้ต่อรายได้ และอัตราส่วนหนี้ต่อรายได้ทั้งปี

คนไทย 2 ล้านครัวเรือน

จากข้อมูลปี 2021 สามารถแบ่งกลุ่มครัวเรือนไทยออกมาได้

ธุระกิจ EIC วิเคราะห์ว่ากลุ่มที่เป็นครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง คือกลุ่มที่ 2 กับ 3 เพราะแม้รายได้จะเกินค่าเฉลี่ย แต่มีปัญหาหนี้สินรุนแรงกว่ากลุ่มอื่นชัดเจน คือถ้าเทียบหนี้กับรายได้ของสองกลุ่มนี้จะมีค่าสูงถึง 4.7 และ 2.2 เท่าต่อรายได้ทั้งปีตามลำดับ ขณะที่ค่าเฉลี่ยสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ของครัวเรือนไทยที่มีหนี้ปี 2021 อยู่ที่ 1.1 เท่าส่วนกลุ่มที่ 5 แม้จะไม่เข้าข่ายกลุ่มเปราะบางเพราะไม่มีหนี้ แต่กลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่อ่อนแอทางเศรษฐกิจ เพราะนอกจากจะรายได้น้อย ก็ยังพึ่งพารายได้จากคนอื่นค่อนข้างสูง แถมยังเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากEIC บอกว่ากลุ่มที่ 5 เป็นครัวเรือนที่รายได้หลักไม่ได้มาจากการทำงาน พึ่งพารายได้จากเงินชดเชยออกจากงาน เงินช่วยเหลือจากรัฐ หรือเงินที่ได้จากผู้อื่น ส่วนหนึ่งมาจากคนจำนวนมากในกลุ่มนี้เป็นคนสูงอายุ ที่อาจจะมีข้อจำกัดในการหารายได้ด้วยตัวเองทีนี้ถ้ามาดูแค่เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ครัวเรือนกลุ่มเปราะบางส่วนใหญ่ 61.4% เป็นกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง คือมีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ย 3-6 หมื่นบาท/เดือน ที่มาของรายได้มาจากการทำธุรกิจและการทำเกษตร ซึ่งมักมีความไม่แน่นอนของรายได้สูงกว่าอาชีพอื่น เช่น มนุษย์เงินเดือน ข้าราชการกลุ่มเปราะบางส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 3.2 คน ส่วนกลุ่มไม่เปราะบางเฉลี่ยมีสมาชิก 2.7 คนการเป็นกลุ่มเปราะบางมีโอกาสอย่างน้อย 30% ที่จะมีปัญหารายได้ไม่พอจ่ายมากกว่ากลุ่มอื่น โดยสาเหตุหลักอาจมาจากกลุ่มนี้มีหนี้สูงเมื่อเทียบกับรายได้ การจ่ายหนี้ก็สูงตามไปด้วยแต่ถ้ากลุ่มนี้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้นเมื่อเทียบกับรายจ่าย โอกาสที่จะเกิดปัญหาเงินไม่พอใช้ก็จะลดลง กล่าวคือ ถ้ารายได้เพิ่มขึ้น 1% โอกาสเกิดปัญหาเงินไม่พอใช้จะลดลงราวๆ 0.16-0.18%ครัวเรือนเปราะบางของไทยยังมีจำนวนและสัดส่วนเพิ่มขึ้นด้วย โดยหลังโควิดในปี 2021 จำนวนครัวเรือเปราะบางอยู่ที่ 2.1 ล้านครัวเรือน จากปี 2019 อยู่ที่ 1.7 ล้านครัวเรือน หรือเพิ่มขึ้น 24.2%และไม่ใช่แค่จำนวนที่เพิ่มขึ้น กลุ่มเปราะบางยังมีแนวโน้มมีรายได้ลดลง สวนทางกับกลุ่มไม่เปราะบางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยถ้าเทียบรายได้ปี 2013 กับปี 2021 กลุ่มเปราะบางรายได้ลดลงที่ -7.9% ส่วนกลุ่มไม่เปราะบางเพิ่มขึ้น 9.5%EIC ยังประเมินอีกว่าปัญหาความเปราะบางนี้จะใช้เวลาแก้ไขนาน คือเฉลี่ยอาจใช้เวลาถึง 13 ปีถึงจะหลุดพ้น เพราะหนี้สูงเมื่อเทียบกับรานได้หรือสินทรัพย์ ทำให้การปลดหนี้ในระยะสั้นเพื่อหลุดพ้นจากภาวะเปราะบางนั้นทำได้ยาก ต้องมีรายได้ต่อเนื่องควบคู่ไปกับการมีวินัยชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ

แนะนำธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : สามหน่วยงานลงมติ ฝากเงินสดผ่านตู้ CDM ยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP เริ่ม 1 มิ.ย. 2566