“นิวยอร์ค ชีสเค้ก” เนื้อเบานวลเนียนหอมมัน กลิ่นครีมชีส

เป็นแม่บ้านยุคนี้ไม่ใช่แค่อยู่บ้านสวยๆแค่นั้น ต้องหาความรู้เติมเสน่ห์ปลายจวัก

ข่าวอาหาร  อย่าง คุณแอนนา–อรยา มหิทธิวาณิชชา หลังบ้านนักธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งบอกว่า ด้วยความที่ตัวเองและสามีเป็นนักชิม ทำให้ตนเองไปหาความรู้เพิ่มเติม บวกกับความชอบในการทำอาหารตั้งแต่เด็ก เลยชวนแก๊งเพื่อนๆไปร่วมเรียนทำขนม ทำอาหารหรือจัดดอกไม้ ทำให้สนุกๆไปกับเพื่อนด้วย พอไปเรียนมาก็มาทำให้คนที่บ้านรับประทาน ซึ่งที่บ้านชอบรับประทานอาหารทั้งไทยและจีน และยังชอบทำขนมเบเกอรีเสิร์ฟเติมความหวานกันในครอบครัวด้วย“ไปเรียนเพราะอยากมาทำให้สามีและคุณพ่อสามีทานค่ะ เวลาที่เข้าครัวทำอาหารให้ที่บ้านทาน เราจะรู้สึกมีความสุข รู้สึกฟินมากเลยค่ะ ซึ่งสามีเขาชอบทานเค้กมะพร้าว เค้กช็อกโกแลต ส่วนอาหารไทยชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะหมูทอดกระเทียมพริกไทย แต่เน้นไม่เผ็ดมาก เมนูโปรดของคนที่บ้าน เราก็จะทำ บ่อยหน่อย และเวลาที่เพื่อนๆมาทานอาหารที่บ้าน แอนนาก็จะทำอาหาร ทำขนมให้เพื่อนทาน เวลาที่เขาทานแล้วชมว่าอร่อย เราก็จะลอยไปถึงเพดาน มีความสุข เลยยิ่งทำใหญ่เลย นี่เป็นความสุขของคนทำอาหารเลยค่ะ เวลาทำอาหารแอนนาก็ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไร ตวงก็ไม่ค่อยจะตวง ที่จริงไม่ดีนะ แต่จะชินที่จะใช้การชิมตามใจเรา ถ้าเราชอบแบบนี้ก็ทำแบบนี้ ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรมากจะมีอยู่อย่างเดียวเราต้องมีอารมณ์ที่อยากจะทำ เพราะถ้าตื่นมาแล้วไม่มีอารมณ์ทำ ก็จะไม่ทำ

นิวยอร์ค ชีสเค้ก

คุณแอนนา ยังได้แชร์สูตรวิชาที่ไปเรียนมาในการทำ นิวยอร์ค ชีสเค้ก เนื้อเบานวลเนียนหอมมัน กลิ่นครีมชีส อมเปรี้ยว

ข่าวอาหาร ซึ่งส่วนผสม บัตเตอร์ 60-100 กรัม ต้มเดือดสักพัก ครีมชีส 500 กรัม (ถ้าชอบเปรี้ยวให้ใส่มะนาวนิดหนึ่งได้) น้ำตาลหรือนมข้น 100 กรัม ถ้าชอบคาราเมล ใส่คาราเมล 80 กรัม แป้งอัลมอนด์ 20 กรัม ซาวร์ครีม หรือพาเมซาน ชีส 20 กรัม ไข่แดงเบอร์ศูนย์ 4 ฟอง วานิลลา ชีสเค้กส่วนใหญ่ฐานจะเป็นบิสกิต แต่จะเลือกเป็นเนื้อเค้กก็ได้แล้วแต่ชอบ หากใช้ฐานเป็นบิสกิตก็สามารถเอาบิสกิตที่ชอบมาบดอัดแน่นเป็นฐานได้วิธีการทำเมื่อครีมชีสนุ่มแล้วจึงใส่น้ำตาล หรือนมและแป้ง ตีให้เนียนไปกับครีมชีส หลังจากนั้นจึงใส่ซาวร์ครีมหรือพาเมซาน ไข่ไก่ ไข่แดง วานิลลา และน้ำเลมอนตามลำดับ เมื่อเนียนได้ที่ก็เทลงในพิมพ์กลม ซึ่งการเทชีสเค้กให้สูงสามารถช่วยลดฟองอากาศในเนื้อเค้กได้ นำชีสเค้กไปเข้าเตาอบ โดยอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 35 นาที หลังจากนั้นปรับอุณหภูมิเตาอบลงมาที่ 135 องศาเซลเซียส และอบต่ออีก 35 นาที เมื่อนำขนมออกจากเตาอบมาพัก แล้วนำเข้าตู้เย็นอย่างต่ำประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำออกจากพิมพ์แล้วสามารถเอาผลไม้ตระกูลเบอรี่ที่ชื่นชอบมาแต่งหน้าเค้กได้

แนะนำข่าวอาหาร อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ปลากุเลาเค็มตากใบ เปิดตำนานสูตรลับ50 ปี