คลังคาด ศก.ปี 66 เติบโตได้ 3.6% โดยมีแรงหนุนจากการบริโภคและท่องเที่ยว

คลังคาด 7

“เศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่จำนวนร้อยละ 3.6 โดยได้รับแรงส่งเสริมจากการบริโภคที่ปรับนิสัยดียิ่งขึ้น ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวโดยตลอดรวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่น้อยลง อย่างไรก็แล้วแต่ ยังจำต้องติดตามหลักการการคลังรวมทั้งปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างใกล้ชิด”

ข่าวเศรษฐศาสตร์ ในฐานะผู้ประกาศกระทรวงการคลัง แถลงผลของการประมาณเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่า “เศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่จำนวนร้อยละ 3.6 (ตอนเดาที่จำนวนร้อยละ 3.1 ถึง 4.1) ฟื้นสม่ำเสมอจากปี 2565 ที่ขยายตัวที่จำนวนร้อยละ 2.6 ต่อปี โดยได้รับแรงส่งเสริมจากการบริโภคที่ปรับนิสัยดียิ่งขึ้นแล้วก็ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเดินทางจากภูมิภาคทวีปเอเชียรวมทั้งกรุ๊ปสหภาพยุโรปที่มากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวคนต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ปริมาณ 29.5 ล้านคน ขยายตัวที่ปริมาณร้อยละ 164.6 ต่อปี และก็คาดว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักเดินทางฝรั่ง ปริมาณ 1.3 ล้านล้านบาท คิดเป็นจำนวนร้อยละ 255.9 ต่อปี ทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและก็ธุรกิจบริการที่เกี่ยวพันเพิ่มสูงมากขึ้นตลอด สอดคล้องกับด้านอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นสม่ำเสมอ โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวที่ปริมาณร้อยละ 4.1 (ตอนคาดหมายที่จำนวนร้อยละ 3.6 ถึง 4.6) ตามรายได้ภาคประชากรที่ฟื้นตามเหตุการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำลงช่วยทำให้การบริโภคมากขึ้น ในการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ปริมาณร้อยละ 2.3 (ตอนคาดเดาที่จำนวนร้อยละ 1.8 ถึง 2.0 จากความมั่นใจของเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มกลับมาดียิ่งขึ้นตามแนวทางของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม ผลของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

คลังคาด 7

การดำเนินแนวทางการคลังที่เอาจริงเอาจังรวมทั้งปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลักทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอลงในตอนต้นปี 2566

ข่าวเศรษฐศาสตร์ทำให้คาดว่าค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะหดตัวนิดหน่อยที่จำนวนร้อยละ -0.5 (ตอนคาดหมายที่ปริมาณร้อยละ -1.0 ถึง 0.0) นอกนั้น การบริโภคภาครัฐคาดว่าหดตัวที่ปริมาณร้อยละ -2.1 (ตอนคาดคะเนที่จำนวนร้อยละ -2.6 ถึง -1.6) แล้วก็การลงทุนภาครัฐขยายตัวที่จำนวนร้อยละ 2.6 (ตอนเดาที่จำนวนร้อยละ 2.1 ถึง 3.1) ส่วนหนึ่งส่วนใดมาจากแนวทางการทำงบประมาณรายการจ่ายรายปี 2567 ที่ช้ากว่าปีที่ล่วงเลยไป ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปจะอยู่ที่จำนวนร้อยละ 2.6 (ตอนคาดคะเนที่จำนวนร้อยละ 2.1 ถึง 3.1) ปรับไปสู่กรอบจุดมุ่งหมายเงินเฟ้อที่จำนวนร้อยละ 1.0-3.0 เพราะราคาพลังงานโลกที่ต่ำลง ทำให้แรงกดดันด้านอุปทานจากเงินลงทุนพลังงาน และก็ราคาน้ำมันคลี่คลายลง สำหรับเสถียรภาพข้างนอกประเทศ ดุลบริการมีทิศทางจะกลับมาเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณนักเดินทางต่างประเทศ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2566 มีลักษณะท่าทางที่จะกลับมาเกินดุล 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นปริมาณร้อยละ 0.8 ของ GDPดังนี้ พิธีกรกระทรวงการคลังได้กล่าวตบท้ายว่า สำหรับสาเหตุที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยที่จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดมีทั้งยังเหตุช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่น 1) ภาคการท่องเที่ยวที่ปรับพฤติกรรมดียิ่งขึ้นสะท้อนจากปริมาณนักเดินทางทุกชนชาติที่มีเป็นจำนวนมากกว่าที่เดา 2) เหตุการณ์เงินเฟ้อที่ลดน้อยลงเร็วกว่าที่คาดไว้ มีผลบวกต่อการใช้จ่ายภายในประเทศมากยิ่งขึ้น และก็สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง ดังเช่น 1) ความไม่เที่ยงของเศรษฐกิจโลก ความเปลี่ยนแปลงของตลาดการคลังโลกจากการดำเนินแผนการการคลังที่เคร่งครัดของประเทศคู่ค้าหลักรวมทั้งปัญหาสถาบันการเงินในต่างแดน โดยยิ่งไปกว่านั้นอเมริกาแล้วก็สหภาพยุโรป แล้วก็ 2) การเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่างๆซึ่งบางทีอาจมีผลต่อความยั่งยืนมั่นคงระหว่างชาติรวมทั้งปัจจัยที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการผลิตต่างๆ

แนะนำข่าวเศรษฐศาสตร์ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคต ศก.ภูมิภาคเดือน เม.ย.66 ปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค นำโดยภาคใต้ และภาคตะวันออก