กสศ.ชง 6 ข้อเสนอ ผู้ว่าฯกทม. แก้ปัญหานักเรียน หลุดจากระบบการศึกษา

กสศ.ชี้หนทางผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครคนใหม่ รีบขจัดปัญหาการเล่าเรียนในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เสนอวิถีทางช่วยเหลือ ของบอุดหนุน-จัดผลประโยชน์ นักเรียน
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเท่าเทียมกันด้านการศึกษา (กสศ.) แสดงความรู้สึกกังวลใจถึงเหตุการณ์เด็กหลุดจากระบบการเรียนในตอนเปิดเทอมพ.ค.ที่จะถึงนี้ ข้างหลังผลที่ได้รับจากการสำรวจของ กสศาสตราจารย์ ในปี 2564 เจอเด็กกรุงเทพฯ มิได้ศึกษาต่อ 646 คน และก็จำนวนนี้ยังไม่รวมบางครอบครัวที่พาลูกย้ายถิ่นที่อยู่ฐานกลับถิ่นกำเนิดในตอนวัววิด-19 แล้วมิได้กลับมาเรียน มูลเหตุที่จำต้องจับตามองเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ดร.ไกรยส เผยออกมาว่า เนื่องจากฐานรากของเด็กยากจนในกรุงเทวดา จวบจนกระทั่งค่าถัวเฉลี่ยของทั่วทั้งประเทศ
โดยเส้นความจนที่ที่ทำการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแล้วก็สังคมแห่งชาติ หรือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดไว้ เด็กยากจนทั่วประเทศมีรายได้ต่ำลงยิ่งกว่า 2,762 บาทต่อคนต่อเดือน ในตอนที่ครอบครัวเด็กนักเรียนอดอยากในจังหวัดกรุงเทพ มีรายได้เพียงแต่ 1,964 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งจากฐานข้อมูลของ กสศาสตราจารย์ จ.กรุงเทพฯมีนักเรียนยากแค้นปริมาณ 1,488 คน แล้วก็เด็กนักเรียนยากจนข้นแค้นพิเศษอีก 1,408 คน นี่เป็นตัวเลขที่ตรวจสอบเจอในสถานศึกษาเฉพาะขึ้นตรงต่อ สพฐ. ไม่รวมสถานที่เรียนขึ้นอยู่กับจังหวัดกรุงเทพ แล้วก็ยังไม่รวมเด็กนอกระบบการเล่าเรียน
ฐานรากความยากแค้นที่มีอยู่เป็นทุนเดิม ประกอบกับเหตุการณ์โควิดทำให้ครอบครัวขาดรายได้ เด็กยากจนใช้ขณะเรียนรู้ผ่านทางออนไลน์ไปดำเนินงานช่วยครอบครัว ในช่วงเวลาที่ค่ายังชีพทยอยเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เหตุการณ์ในปี 2565 ยิ่งน่าห่วง ซึ่งผู้จัดการ กสศาสตราจารย์ คิดว่า ถ้าเกิดผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ไม่รีบปรับแต่ง เว้นเสียแต่อนาคตเด็กบางทีอาจเข้าไปสู่วังวนอาชญากรรมแล้ว ยังมีผลให้กรุงเทวดาพลาดโอกาสที่จะทำให้ครอบครัวในสลัมหลุดพ้นจากความยากจนข้นแค้นรวมทั้งได้ใช้ความสามารถที่มีช่วยปรับปรุงเมืองในอนาคต
ปัญหานี้ กสศ. เสนอ 6 หนทางไปยังผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร รีบขจัดปัญหา เป็น
- แบ่งเงินอุดหนุนให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษขึ้นอยู่กับ กรุงเทพมหานคร โดยเชื่อมโยงข้อมูลให้ กสศ. สามารถเข้าไปช่วยเหลือทุนเท่าเทียมกันให้กับเด็กนักเรียนได้
- จัดบัตรผลประโยชน์เด็กนักเรียนรวมทั้งรถยนต์รับ-ส่งเด็กนักเรียนในชุมชนแออัด 641 ชุมชน เพื่อลดภาระหน้าที่ค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทาง
- เพิ่มศูนย์สร้างช่องทางเด็กของ กรุงเทพมหานคร จาก 7 ศูนย์เป็น 50 ศูนย์ กระจายตัวอยู่ทุกเขต
- ปลดล็อกพื้นที่ให้ภาคประชาชนสังคมรวมทั้งเอกชนเข้ามาทำพื้นที่การศึกษาให้กับเด็ก
- ยกฐานะประสิทธิภาพศูนย์ปรับปรุงวัยก่อนเข้าโรงเรียน กรุงเทพมหานคร เพื่อดูแลครอบครัวเด็กยากจน
- วางระบบดูแลช่วยเหลือกรุ๊ปเด็กบอบบางในวิกฤตวัววิด-19 โดยบูรณาความร่วมแรงร่วมมือทั้งยังหน่วยงานภาครัฐ เอกชน แล้วก็ประชาชนสังคมเข้าไปปฏิบัติงานเชิงรุกในชุมชน โดย ดร.ไกรตำแหน่ง คิดว่า คำแนะนำหลายข้อบางทีอาจไม่จำเป็นที่จะต้องใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานครด้วย ซึ่งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครจะมีหน้าที่สำคัญสำหรับการวางนโยบายที่แจ่มชัดรวมทั้งติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยว